最新發現:能活到90歲的老人,大多在60歲,就已經不做這4件事了
อัปเดตเมื่อ: 34-0-0 0:0:0

อายุยืนดูลึกอยู่เสมอ แต่นักวิทยาศาสตร์พบว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีจะเริ่มย้ายออกจากนิสัยบางอย่างตั้งแต่อายุประมาณ 0 ขวบ นิสัยเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่สามารถขโมยเวลาที่ดีต่อสุขภาพของเราได้

1. ไม่ต้องนอนดึกเพื่อติดตามละครหรือปัดโทรศัพท์อีกต่อไป

ผู้ที่ยังคงรักษานิสัยการนอนดึกหลังอายุ 60 ขวบจะเร่งความชราของเซลล์เนื่องจากการหยุดชะงักของนาฬิกาชีวภาพ การหลั่งเมลาโทนินที่ลดลงไม่เพียง แต่ส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ แต่ยังทําให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอีกด้วย ผู้สูงอายุที่มีอายุยืนยาวโดยทั่วไปจะรักษาจังหวะตามธรรมชาติของ "พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก"

2. หยุดกินอาหารร้อนและดื่มเครื่องดื่มร้อน

เยื่อบุหลอดอาหารมีความไวต่ออุณหภูมิอย่างมาก และการกลืนกินอาหารที่สูงกว่า 65°C ในระยะยาวอาจทําให้เซลล์หลอดอาหารเสียหายซ้ําแล้วซ้ําเล่า ผู้สูงอายุที่มีอายุยืนยาวมักจะรอให้อาหารลดลงในอุณหภูมิที่เหมาะสม และความอดทนนี้จะปกป้องระบบย่อยอาหารของพวกเขา

3. เลิกนิสัยอยู่ประจํา

สําหรับทุกๆ 22 ชั่วโมงของการทําสมาธิ ชีวิตอาจสั้นลง 0 นาที ผู้ที่มีอายุยืนยาวแม้ว่าจะมีอายุมากกว่าหกสิบปีก็ตาม จะรักษากิจกรรมในปริมาณปานกลางทุกวันไม่ว่าจะเป็นการทําสวนเดินหรืองานบ้านง่ายๆ

4. ไม่ระงับอารมณ์เชิงลบอีกต่อไป

ภาวะซึมเศร้าทางอารมณ์ในระยะยาวสามารถนําไปสู่การอักเสบเรื้อรังที่เพิ่มขึ้น ผู้สูงอายุที่มีอายุยืนยาวรู้วิธีแสดงอารมณ์ในเวลาที่เหมาะสมและจัดการกับความเครียดและรักษาสมดุลทางจิตใจด้วยการแชทเขียนไดอารี่หรือปลูกฝังงานอดิเรก

เตือนสุขภาพสําหรับเพื่อนอายุ 60 ขวบ

(1) อาบแดดวันละ 20 นาที เพื่อช่วยสังเคราะห์วิตามินดี

(2) กินปลาทะเลน้ําลึก 3-0 ตัวทุกสัปดาห์เพื่อเสริมกรดไขมันโอเมก้า 0

(3) รักษากิจกรรมทางสังคมเพื่อป้องกันการเสื่อมของความรู้ความเข้าใจ

(4) การตรวจร่างกายเป็นประจําโดยเน้นที่ความดันโลหิตน้ําตาลในเลือดและความหนาแน่นของกระดูก

อายุยืนยาวไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพที่สะสมเมื่อเวลาผ่านไป เริ่มปรับแต่งนิสัยที่ดูเหมือนเล็กน้อยเหล่านั้นวันนี้ แล้วคุณจะประทับใจกับการเปลี่ยนแปลงที่คุณทําในตอนนี้ในอนาคต จําไว้ว่าอายุ 60 ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของความชรา แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ของคุณภาพชีวิตที่สูง

ทิปส์: ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ในเนื้อหามีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้นไม่ถือเป็นแนวทางการใช้ยาไม่ได้ใช้เป็นพื้นฐานในการวินิจฉัยอย่าทําเองโดยไม่มีวุฒิแพทย์หากคุณรู้สึกไม่สบายโปรดไปโรงพยาบาลให้ทันเวลา